มุมมองของ เอแดร์สัน ต่อ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

เอแดร์สัน ผู้รักษาประตูทีมชาติบราซิล ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ  กล่าวถึงความละเอียดในเชิงแท็คติคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยอดผู้จัดการทีมชาวสเปนของ “เรือใบสีฟ้า” ที่แสดงให้เห็นตั้งแต่วันแรกหลังย้ายมาจาก เบนฟิก้า ในลีกโปรตุเกส เมื่อซัมเมอร์ปี 2017

นายด่านเลือดแซมบ้า ย้ายจาก เบนฟิก้า มาเฝ้าเสากับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัวราว 34 ล้านปอนด์ ในเวลานั้น ซึ่งเป็นการทำลายสถิติโกล์ที่แพงที่สุดในโลกของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ตำนานนายทวารทีมชาติอิตาลี อีกด้วย

จุดเริ่มต้นของ เอแดร์สัน ในการทำงานร่วมกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

กวาร์ดิโอล่า เข้ามาทำงานกับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อปี 2016 ซึ่งในเวลานั้น เขาตัดสินใจปล่อย โจ ฮาร์ท โกล์ทีมชาติอังกฤษให้ก้บ โตริโน่ ในกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ยืมตัวไปใช้งาน และถึง เคลาดิโอ บราโว่ ลูกน้องเก่าที่ บาร์เซโลน่า เข้ามาเฝ้าเสาเป็นมือ 1 แทน

อย่างไรก็ตาม ฤดูกาล 2016-17 บราโว่ ทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และไม่สามารถขึ้นบอลจากแนวรับตามที่ กวาร์ดิโอล่า ต้องการได้ ซึ่งส่งผลให้อดีตนายใหญ่ บาเยิร์น มิวนิค และ บาร์เซโลน่า ตัดสินใจคว้าตัว เอแดร์สัน เข้ามาร่วมทีมในที่สุด

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา เอแดร์สัน สามารถยึดตำแหน่งผู้รักษาประตูมือ 1 ของ แมนฯ ซิตี้ ได้อย่างเด็ดขาด และกลายเป็นส่วนสำคัญในทีมของ  กวาร์ดิโอล่า มาตลอด โดยสไตล์การเล่นของเขานั้น ตอบโจทย์โค้ชวัย 51 ปี ที่ตามหาโกล์ในสไตล์ที่ตัวเองต้องการมาอย่างยาวนาน

เอแดร์สัน เริ่มเล่าว่า “ในวันแรกที่ผมย้ายมาจาก เบนฟิก้า เขาก็เปิดวิดิโอที่ผมเคยเล่นในโปรตุเกสให้ผมดู และเขาก็แนะนำสิ่งต่างๆกับผมทันที รวมถึงบอกจุดประสงค์ที่เขาต้องการอยากให้ผมทำในสนาม เขาน่าทึ่งมากๆ”

กวาร์ดิโอล่า ต้องการให้นายทวารของเขาสามารถครองบอลด้วยเท้าได้ ผ่านบอลสั้น – ยาว ได้อย่างแม่นยำเพื่อเปิดช่องในแนวรับของคู่แข่ง และนอกจากปฏิกิริยาการเซฟประตูแล้ว โกล์มือ 1 ของ แมนฯ ซิตี้ จะต้องมีส่วนร่วมกับเกมแทบตลอดเวลา

อดีตมือกาว เบนฟิก้า เล่าต่อว่า “ผมเคยเล่นในลักษณธนี้มาแล้สกับ เบนฟิก้า  ผมเล่นร่วมกับกองหลังที่ดันขึ้นสูงแทบทั้งเกม เบนฟิก้า เป็นทีมที่เพรสซิ่งตั้งแต่ในแดนของคู่ต่อสู้ ดังนั้น กองหลังของเราจึงเกือบจะยืนอยู่ในแนวเดียวกับมิดฟิลด์” เขากล่าว

“ดังนั้น ผมต้องอยู่ให้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่ผมจะสามารถตัดเกมจากจังหวะการโต้กลับของคู่แข่ง หรือเป็นตัวเลือกในการจ่ายบอลของกองหลัง และเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างเกมขึ้นมา ทีมคู่แข่งส่วนใหญ่จะไล่กดดันเราสูงมาก และผมมีทางเลือก 3 ทาง คือ การจ่ายบอลระยะสั้น ระยะกลาง หรือ บอลยาว ซึ่งเป็นการผ่านบอลไปยังผู้เล่นแนวรุกที่ยืนอยู่ด้านหน้า”

“ในบางเกมผมก็เคยทำแอสซิสต์ได้ด้วย ซึ่งมันอาจจะเซอร์ไพรส์สำหรับคู่แข่ง แต่สำหรับผม มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะผมรู้แล้วว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง และจะทำอะไรกับคู่แข่งได้บ้างเมื่อมีโอกาส”

“ในช่วงฝ่ายตรงข้ามพยายามไล่กดดันเรา มันจะมีพื้นที่เหลือเหลือเฟือ นั่นคือการเคลื่อนที่ที่เราสามารถสร้างสรรค์โอกาสได้มากมาย และเราก็ทำได้ โดยใช้ช่องว่างระหว่างกองหลังคนสุดท้ายกับผู้รักษาประตูของคู่แข่ง”

เปลี่ยนแนวทางการเล่นของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้

เมื่อมองดูแล้ว กวาร์ดิโอล่า และ เอแดร์สัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการเปลี่ยนแนวทางการเล่นของ แมนฯ ซิตี้ อย่างชัดเจน ซึ่งเห็นได้จากช่วงทัวร์ปรีซีซั่นปี 2017 ที่อดีตโกล์ เบนฟิก้า สาดบอลยาวให้กับ เซร์คิโอ อเกวโร่ หัวหอกชาวอาร์เจนไตน์ ซัดประตูใส่คู่แข่ง

เอแดร์สัน กล่าวต่อว่า “การเตะจากเส้นประตูเมื่อฝ่ายตรงข้ามทำการกดดันสูงนั้น มันค่อนข้างซับซ้อน แต่ตอนนั้น ผมมีโอกาสที่จะผ่านบอลไปถึงกรอบเขตโทษคู่แข่ง ซึ่งเราต้องการโอกาสเพียงเล็กน้อย และแน่นอนว่า มันจะมีพื้นที่มากขึ้นใน ผมสร้างโอกาสที่ดีให้กับ เซร์คิโอ ทำประตู”

กวาร์ดิโอล่า เคยให้สัมภาษณ์ถึง เอแดร์สัน ว่า “เขามีคุณสมบัติครบถ้วนในแบบที่ผมต้องการ ในตอนที่ผมคุม บาเยิร์น และเราต้องเจอกับ เบนฟิก้า ผมพยายามวิเคราะห์รายละเอียดต่างๆก่อนเกมจะเริ่มขึ้น ผมดูการเล่นของ เอแดร์สัน ไปหลายครั้งมาก”

“จากนั้น ทีมงานของผมก็พูดว่า ผู้รักษาประตูคนนี้ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาทำแบบนี้ได้อย่างไร เราพยายามทำโกล์ของเราเล่นแบบนั้นบ้าง เพราะ เอแดร์สัน มีคุณภาพที่จะวางบอลไปในอีกกรอบเขตโทษอีกฝั่งหนึ่งในจังหวะที่เพื่อนร่วมทีมไม่ได้ล้ำหน้า เราจะสามารถกระจายคู่แข่งออกไป และสามารถมีพื้นที่ตรงกลางมากขึ้น”

หลังจากเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ มาครบ 5 ปี เอแดร์สัน ยอมรับว่า กวาร์ดิโอล่า เป็นคนที่รอบรู้เรื่องฟุตบอลมากมาย และเขาก็รู้สึกว่า ตัวเองเป็นผู้รักษาประตูที่ดีมากขึ้นเมื่อได้ร่วมงานกับอดีตโค้ช บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น

เอแดร์สัน กล่างถึง กวาร์ดิโอล่า ว่า “ผมเห็นผู้ชายคนหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ และปรับตัวเข้ากับทุกๆคนในสโมสรได้เป็นอย่างดี ผมคว้าแชมป์ได้มากมายเพราะเขา ดังนั้น เมื่อมองดูอดีตที่ผ่านมา และกระบวนการทั้งหมดของผมจนถึงตอนนี้ ผมรู้สึกว่า ผู้เล่นทุกคนต้องมีวิวัฒนาการในแต่ละวัน ผู้เล่นทุกคนต้องปรับปรุงในบางแง่มุม ไม่มีผู้เล่นที่สมบูรณ์แบบและไม่มีผู้รักษาประตูที่สมบูรณ์แบบ แต่เขาทำให้ผมเป็นโกล์ที่ดีขึ้นมากๆ”